Google ทุ่มสุดตัว! แย่งพื้นที่ค้นหาบน iPhone
Google ยักษ์ใหญ่แห่งวงการเสิร์ชเอนจิ้น กำลังเดินหน้าอย่างเต็มกำลังเพื่อลดการพึ่งพาเบราว์เซอร์ Safari ของ Apple บน iPhone แต่เส้นทางนี้ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
เป้าหมายใหญ่ แต่เส้นทางไม่ง่าย
รายงานจาก The Information เผยว่า Google ต้องการดึงผู้ใช้ iPhone ให้หันมาใช้แอป Google Search หรือ Chrome ของตัวเองให้มากขึ้น แต่ความคืบหน้ายังไม่เป็นไปตามที่คาดหวัง
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Google สามารถเพิ่มสัดส่วนการค้นหาบน iPhone ผ่านแอปของตัวเองได้เพียงเล็กน้อย จาก 25% เป็นประมาณ 30% ต้นๆ ซึ่งยังห่างไกลจากเป้าหมาย 50% ที่ตั้งไว้ภายในปี 2030
ทำไม Safari ยังครองใจ?
แม้ Google จะทุ่มงบประมาณมหาศาลในการทำการตลาด ทั้งโปรโมตฟีเจอร์เด่นๆ อย่าง Lens หรือปรับปรุงหน้า Discover ให้ใช้งานง่ายขึ้น แต่ Safari ที่ติดตั้งมาพร้อมเครื่อง iPhone ก็ยังคงเป็นตัวเลือกหลักของผู้ใช้ส่วนใหญ่
อีกหนึ่งอุปสรรคสำคัญ คือคดีความฟ้องร้อง Google ในข้อหาผูกขาดตลาด ซึ่งหากศาลตัดสินว่า Google ผิดจริง อาจส่งผลให้ Google เสียสิทธิ์ในการเป็นเสิร์ชเอนจิ้นหลักบน Safari ซึ่งจะกระทบต่อรายได้จากโฆษณาบนมือถืออย่างมหาศาล
เงินเดิมพันมหาศาล
ในปี 2023 Google จ่ายเงินให้ Apple มากกว่า 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพื่อรักษาตำแหน่งเสิร์ชเอนจิ้นหลักบน Safari การดึงผู้ใช้มาที่แอปตัวเองให้มากขึ้นจึงเป็นหนทางลดค่าใช้จ่ายนี้ และเพิ่มอำนาจต่อรองในการเจรจาครั้งต่อไป
อนาคตจะเป็นอย่างไร?
Google ได้ดึงตัว Robby Stein อดีตผู้บริหารจาก Instagram และ Yahoo เข้ามาเสริมทัพ โดย Stein จะรับหน้าที่พัฒนาแอป Google ให้ดึงดูดผู้ใช้ iPhone มากขึ้น รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI มาช่วย
การแข่งขันครั้งนี้จึงยังคงดุเดือด และผลลัพธ์ของคดีฟ้องร้องผูกขาดตลาดจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะชี้ชะตา Google ว่าจะรักษาส่วนแบ่งตลาดไว้ได้หรือไม่
สรุป
Google กำลังเผชิญความท้าทายในการดึงผู้ใช้ iPhone ออกจาก Safari มาสู่แอปของตัวเอง แม้จะมีความพยายามอย่างต่อเนื่อง แต่ผลลัพธ์ยังไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และคดีฟ้องร้องผูกขาดตลาดก็ยิ่งเพิ่มความกดดัน การแข่งขันครั้งนี้จึงยังคงน่าจับตามอง และอนาคตของ Google ในตลาดเสิร์ชเอนจิ้นบนมือถือยังคงไม่แน่นอน