Apple ได้ประกาศการลงทุนมากกว่า 250 ล้านเหรียญเพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับศูนย์ปฏิบัติการในย่านอัง โม กิโอ ของสิงคโปร์ โดยจะจัดเตรียมตำแหน่งงานใหม่ในด้านปัญญาประดิษฐ์และหน้าที่สำคัญอื่นๆ
การดำเนินการครั้งนี้ถือเป็นการต่อยอดความผูกพันที่ Apple มีมายาวนานในภูมิภาคนี้ ซึ่งเริ่มต้นจากการมีทีมขนาดเล็กจำนวน 72 คน ที่มุ่งเน้นการพัฒนา Apple II ในปี 1981 ปัจจุบัน ศูนย์ปฏิบัติการในสิงคโปร์ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางของ Apple ในภูมิภาคเอเชีย โดยมีบุคลากรกว่า 3,600 คนที่มีส่วนร่วมในทุกส่วนงานของบริษัท ตั้งแต่ซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ บริการ และการสนับสนุนลูกค้า นอกจากนี้ ยังมีร้านค้า Apple Store จำนวน 3 แห่งในประเทศนี้ด้วย
สิงคโปร์คือสถานที่ที่ไม่เหมือนใคร และเรารู้สึกภาคภูมิใจในความสัมพันธ์ที่เราได้สร้างขึ้นกับชุมชนผู้สร้างสรรค์ ผู้เรียนรู้ และนักฝันในที่นี้” Tim Cook ซีอีโอของ Apple กล่าว “ด้วยการขยายศูนย์ปฏิบัติการของเรา Apple กำลังเขียนบทใหม่ของประวัติศาสตร์ที่นี่ ทีมงานของเราในสิงคโปร์มีบทบาทสำคัญในการทำให้ชีวิตของลูกค้าของเราดียิ่งขึ้น และเราตั้งตารอการสร้างสรรค์นวัตกรรมอันน่าตื่นเต้นอีกหลายทศวรรษข้างหน้า
Apple ระบุว่าการลงทุนครั้งนี้จะมุ่งเน้นการปรับปรุงอาคารสองหลังข้างเคียงกับสถานที่ปฏิบัติการที่มีอยู่ เพื่อให้เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่เป็นหนึ่งเดียวและส่งเสริมความร่วมมือระหว่างทีมงาน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการขยายและปรับปรุงต่อเนื่องเป็นเวลากว่าทศวรรษ รวมถึงการเพิ่มขีดความสามารถของศูนย์เทคโนโลยีฮาร์ดแวร์ถึง 50% ตั้งแต่ปี 2562
ศูนย์ปฏิบัติการที่ขยายขึ้นนี้จะใช้พลังงานหมุนเวียนอย่างเต็มรูปแบบ และมุ่งสู่การรับรองมาตรฐาน LEED Gold เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจด้านความยั่งยืนทั่วโลกของบริษัท Apple นั้นเป็นบริษัทที่มีการดำเนินงานที่คาร์บอนเป็นกลางมาตั้งแต่ปี 2563 และใช้พลังงานหมุนเวียน 100% ตั้งแต่ปี 2561
การก่อสร้างคาดว่าจะเริ่มต้นในปลายปีนี้ Apple กล่าวว่าการดำเนินงานของบริษัทในสิงคโปร์ส่งผลให้เกิดการสนับสนุนการจ้างงานกว่า 60,000 ตำแหน่ง ผ่านการจ้างงานโดยตรง ห่วงโซ่อุปทาน และเศรษฐกิจแอปพลิเคชัน iOS และบริษัทยังร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในท้องถิ่นเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมและพัฒนาเทคโนโลยี
สรุป
การลงทุนมากกว่า 250 ล้านเหรียญของ Apple ในศูนย์ปฏิบัติการของบริษัทที่สิงคโปร์นั้น เป็นการยืนยันถึงความมุ่งมั่นและความสำคัญของตลาดเอเชียสำหรับ Apple ทั้งในด้านการพัฒนาบุคลากร ความเป็นศูนย์กลางด้านปัญญาประดิษฐ์ และการสนับสนุนการเติบโตของระบบนิเวศแอปพลิเคชันในภูมิภาค การขยายตัวดังกล่าวจะช่วยเสริมศักยภาพของ Apple ในการตอบสนองความต้องการของลูกค้าในเอเชียได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
