SEO

26 ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ SEO ที่คุณอาจเข้าใจผิด

การทำ SEO เป็นศาสตร์ที่ซับซ้อนและกว้างขวาง บางครั้งก็ดูลึกลับ มีหลายแง่มุมของ SEO ที่อาจนำไปสู่ความสับสน ไม่ใช่ทุกคนจะเห็นด้วยกับสิ่งที่ SEO ประกอบด้วย – จุดที่ technical SEO สิ้นสุดและการพัฒนาเริ่มต้น

สิ่งที่ไม่ช่วยคือข้อมูลที่ผิดพลาดจำนวนมากที่แพร่กระจายอยู่ มี “ผู้เชี่ยวชาญ” มากมายออนไลน์ และไม่ใช่ทุกคนที่ควรมีตำแหน่งที่ตนเองประกาศนั้น คุณจะรู้ได้อย่างไรว่าใครที่ควรเชื่อถือ?

แม้แต่พนักงานของ Google เองก็บางครั้งเพิ่มความสับสน พวกเขาพยายามกำหนดการอัปเดตและระบบของตัวเอง และบางครั้งก็ให้คำแนะนำที่ขัดแย้งกับคำแถลงก่อนหน้านี้

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ SEO คืออะไร?

ก่อนที่เราจะหักล้างความเชื่อผิดๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEO เราควรเข้าใจก่อนว่าพวกมันมีรูปแบบอย่างไร

ความรู้ที่ไม่ได้ทดสอบ

ความเชื่อผิดๆ ใน SEO มักมีรูปแบบเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมาซึ่งไม่ได้รับการทดสอบ

ผลที่ตามมาคือบางสิ่งที่อาจไม่มีผลกระทบต่อการขับเคลื่อนการเข้าชมเว็บไซต์แบบออร์แกนิกที่มีคุณภาพกลับถูกปฏิบัติเสมือนว่ามีความสำคัญ

ปัจจัยเล็กน้อยที่ถูกขยายให้เกินจริง

ความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ SEO อาจเป็นสิ่งที่มีผลกระทบเล็กน้อยต่อการจัดอันดับออร์แกนิกหรือการแปลงแต่ได้รับความสำคัญมากเกินไป

นี่อาจเป็นการฝึกฝน “ทำเครื่องหมายถูก” ที่ถูกประกาศว่าเป็นปัจจัยสำคัญในความสำเร็จของ SEO หรือเพียงแค่กิจกรรมที่อาจทำให้ไซต์ของคุณล้ำหน้าไปเล็กน้อยหากทุกอย่างกับคู่แข่งของคุณเท่าเทียมกันจริงๆ

คำแนะนำที่ล้าสมัย

ความเชื่อผิดๆ อาจเกิดขึ้นเพียงเพราะสิ่งที่เคยมีประสิทธิภาพในการช่วยให้ไซต์จัดอันดับและแปลงได้ดีไม่ได้ผลอีกต่อไป แต่ยังคงได้รับคำแนะนำ อาจเป็นว่าบางสิ่งเคยใช้ได้ผลดีมาก

เมื่อเวลาผ่านไป อัลกอริทึมก็ฉลาดขึ้น สาธารณชนต่อต้านการตลาดมากขึ้น ง่ายๆ คือสิ่งที่เคยเป็นคำแนะนำที่ดีตอนนี้ไม่มีประโยชน์แล้ว

26 ความเชื่อผิดๆ ที่พบบ่อยเกี่ยวกับ SEO

ดังนั้น ตอนนี้ที่เรารู้ว่าอะไรทำให้เกิดและแพร่กระจายความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับ SEO มาดูความจริงเบื้องหลังความเชื่อผิดๆ ที่พบบ่อยบางอย่างกัน

1. Google Sandbox และ Honeymoon Effect

หลายคนเชื่อว่า Google จะลดอันดับเว็บไซต์ใหม่หรือเพิ่มอันดับคอนเทนต์ใหม่เป็นพิเศษ แต่ความจริงคือ Google ไม่ได้มีนโยบายดังกล่าว เพียงแต่ Google อาจใช้ข้อมูลจากเว็บไซต์เดิมของคุณในการประเมินเว็บไซต์ใหม่

2. การลงโทษเนื้อหาซ้ำ (Duplicate Content Penalty)

การมีเนื้อหาซ้ำกับเว็บไซต์อื่นอาจทำให้ Google เลือกแสดงผลเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาต้นฉบับมากกว่า แต่ไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์ของคุณจะถูกลงโทษ

3. การทำโฆษณา PPC ช่วยเพิ่มอันดับ

การทำโฆษณา PPC (Pay-Per-Click) กับ Google ไม่ได้มีผลโดยตรงต่ออันดับการค้นหา เพราะ Google ใช้ระบบที่แยกกันในการจัดอันดับผลการค้นหาแบบธรรมชาติและแบบโฆษณา

4. อายุโดเมนมีผลต่อการจัดอันดับ

Google ยืนยันแล้วว่าอายุโดเมนไม่มีผลต่อการจัดอันดับ แต่เว็บไซต์เก่ามีโอกาสสะสม Backlink ได้มากกว่า ซึ่งอาจส่งผลทางอ้อมต่ออันดับ

5. เนื้อหาใน Tab ส่งผลต่อการจัดอันดับ

เนื้อหาที่อยู่ใน Tab หรือส่วนที่ต้องคลิกเพื่อดู ก็สามารถถูกจัดอันดับได้เหมือนกับเนื้อหาปกติ หาก Google สามารถเข้าถึงเนื้อหานั้นได้

6. Google ใช้ข้อมูลจาก Google Analytics ในการจัดอันดับ

Google ไม่ได้นำข้อมูลจาก Google Analytics มาใช้ในการจัดอันดับเว็บไซต์ ดังนั้นตัวเลข Bounce Rate หรือ Time on Page ใน Google Analytics จะไม่มีผลโดยตรงต่ออันดับ

7. Google ให้ความสำคัญกับ Domain Authority

Google ไม่ได้ใช้ Domain Authority ในการจัดอันดับ แต่เว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูงมักมี Backlink ที่มีคุณภาพ ซึ่งอาจส่งผลทางอ้อมต่ออันดับ

8. เนื้อหาที่ยาวกว่าจะดีกว่าเสมอ

จำนวนคำไม่ได้เป็นปัจจัยโดยตรงต่อการจัดอันดับ แต่เนื้อหาที่ยาวและมีคุณภาพมักตอบคำถามของผู้ใช้ได้ครอบคลุมกว่า จึงอาจส่งผลทางอ้อมต่ออันดับ

9. LSI Keywords ช่วยเพิ่มอันดับ

LSI Keywords หรือคำที่มีความหมายเกี่ยวข้องกับ Keyword หลัก อาจช่วยให้ Google เข้าใจเนื้อหาได้ดีขึ้น แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการจัดอันดับ

10. SEO ต้องใช้เวลา 3 เดือนถึงจะเห็นผล

ระยะเวลาในการเห็นผลของ SEO ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความสามารถในการแข่งขันของ Keyword และการปรับแต่งเว็บไซต์ ไม่ได้มีกำหนดตายตัวที่ 3 เดือน

11. Bounce Rate เป็นปัจจัยในการจัดอันดับ

Bounce Rate หรืออัตราการออกจากเว็บไซต์หลังจากเปิดดูหน้าเดียว ไม่ใช่ปัจจัยโดยตรงในการจัดอันดับ แต่ Bounce Rate สูงอาจบ่งบอกถึงปัญหาคุณภาพของเนื้อหา

12. Backlink คือปัจจัยที่สำคัญที่สุด

Backlink มีความสำคัญต่อ SEO แต่ไม่ใช่ปัจจัยเดียวที่ส่งผลต่อการจัดอันดับ คุณภาพของเนื้อหาและโครงสร้างของเว็บไซต์ก็มีความสำคัญเช่นกัน

13. Keyword ใน URL มีความสำคัญมาก

Keyword ใน URL มีผลเล็กน้อยต่อการจัดอันดับ ดังนั้นไม่ควรยัด Keyword ใน URL จนเกินไป

14. การย้ายเว็บไซต์ (Website Migration) คือการ Redirect URL

การย้ายเว็บไซต์มีขั้นตอนที่ซับซ้อนมากกว่าแค่การ Redirect URL ต้องคำนึงถึงปัจจัยอื่น ๆ เช่น การติดตามข้อมูล (Tracking) และโครงสร้างของเว็บไซต์ด้วย

15. เว็บไซต์ใหญ่จะได้อันดับดีกว่าเว็บไซต์เล็กเสมอ

เว็บไซต์ใหญ่มีทรัพยากรในการทำ SEO ได้มากกว่า แต่เว็บไซต์เล็กก็สามารถแข่งขันได้ด้วยการเลือก Keyword ที่มีความเฉพาะเจาะจงและสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ

16. ต้องมีคำว่า “ใกล้ฉัน” ในหน้าเว็บถึงจะติดอันดับ Local SEO

ไม่จำเป็นต้องมีคำว่า “ใกล้ฉัน” ในเนื้อหา แต่ควรระบุข้อมูลที่ตั้งของธุรกิจให้ชัดเจน เช่น ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ และเพิ่มข้อมูลใน Google My Business

17. เนื้อหาที่ดีกว่าจะได้อันดับที่ดีกว่าเสมอ

เนื้อหาที่ดีเป็นปัจจัยหนึ่งในการจัดอันดับ แต่ไม่ได้หมายความว่าเว็บไซต์ที่มีเนื้อหาดีที่สุดจะได้อันดับที่ดีที่สุดเสมอไป

18. ต้องเขียน Blog ทุกวัน

การอัปเดตเนื้อหาบ่อย ๆ อาจเป็นประโยชน์สำหรับบางเว็บไซต์ แต่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับทุกเว็บไซต์ ควรเน้นที่การสร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพมากกว่าปริมาณ

19. ปรับแต่งเนื้อหาครั้งเดียวก็เพียงพอ

พฤติกรรมของผู้ใช้งานและอัลกอริทึมของ Google เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ดังนั้นการปรับปรุงเนื้อหาให้ทันสมัยอยู่เสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญ

20. Google ใช้ Canonical URL ที่เราระบุเสมอ

Google อาจเลือกหน้าเว็บอื่นเป็น Canonical URL แทนที่เราตั้งค่าไว้ หากหน้าเว็บนั้นมีสัญญาณอื่น ๆ ที่บ่งบอกว่ามีความเกี่ยวข้องมากกว่า

21. Google มีปัจจัยหลักในการจัดอันดับ 3 อันดับ

Google พิจารณาปัจจัยหลายอย่างในการจัดอันดับ ไม่ได้มีเพียง 3 ปัจจัยหลักเท่านั้น

22. ควรใช้ Disavow File ในการจัดการ Link Profile

Disavow File ใช้สำหรับปฏิเสธ Backlink ที่เป็นอันตราย แต่ไม่ควรใช้พร่ำเพรื่อ ควรใช้เมื่อจำเป็นจริง ๆ

23. Backlink จากเว็บไซต์ที่มี Domain Authority สูงมีค่าเสมอ

คุณภาพและความเกี่ยวข้องของ Backlink มีความสำคัญกว่า Domain Authority

24. เว็บไซต์ต้องโหลดเร็วมากถึงจะติดอันดับได้

ความเร็วในการโหลดมีความสำคัญ แต่ไม่ใช่ปัจจัยหลักในการจัดอันดับ

25. Crawl Budget ไม่ใช่เรื่องสำคัญ

Crawl Budget หรือจำนวนหน้าเว็บที่ Googlebot รวบรวมข้อมูล มีความสำคัญสำหรับเว็บไซต์ขนาดใหญ่ที่มีการอัปเดตบ่อย ๆ

26. มีวิธีทำ SEO ที่ถูกต้องวิธีเดียว

ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวในการทำ SEO ต้องปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละเว็บไซต์และแต่ละสถานการณ์

สรุป

การทำ SEO ให้ประสบความสำเร็จต้องอาศัยความเข้าใจที่ถูกต้องและการปรับกลยุทธ์ให้เหมาะสมกับแต่ละเว็บไซต์ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณเข้าใจ SEO มากขึ้นและหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดที่อาจส่งผลเสียต่อเว็บไซต์ของคุณ

Tanjen S.

ติดตามข่าวสารล่าสุดในวงการไอทีและเกมส์ วิเคราะห์ข้อมูล และนำเสนอเป็นบทความข่าวที่น่าสนใจ อ่านง่าย และเข้าใจง่าย

Related Articles